ทำความรู้จัก ‘กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง’ หลักประกันใหม่เพื่อคนทำงานไทย

มิถุนายน 25, 2568 คำแนะนำด้านอาชีพ
ทำความรู้จัก ‘กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง’ หลักประกันใหม่เพื่อคนทำงานไทย

เมื่อพูดถึงสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างในประเทศไทย ‘กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง’ อาจยังเป็นคำที่หลายคนไม่คุ้นเคยนัก แต่รู้หรือไม่ว่านี่คืออีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับแรงงานไทยโดยเฉพาะ มาทำความเข้าใจกับกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างแบบเข้าใจง่าย ผ่านรูปแบบคำถาม-คำตอบ พร้อมไขข้อสงสัยที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างควรรู้ไว้ล่วงหน้า

สำหรับลูกจ้าง

Q1:กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร และมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร?

A: กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง คือ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองและมีเงินเก็บเพื่อเป็นหลักประกันการใช้ชีวิตของลูกจ้าง โดยจะนำเงินสมทบที่ได้จากนายจ้างและลูกจ้างไปลงทุนให้มีผลตอบแทน และเป็นหลักประกันการเก็บเงินให้กับลูกจ้าง คล้ายกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยกองทุนดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

 

Q2:ลูกจ้างต้องส่งเงินสมทบ ในอัตราเท่าไร?

A: เงินสมทบจะร่วมกันส่งระหว่างนายจ้าง และลูกจ้าง ในอัตราเท่าๆ กัน ดังนี้

  • ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 – 30 กันยายน 2573 อัตราฝ่ายละ 0.25% ของค่าจ้าง (ไม่มีเพดาน)
  • ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2573 เป็นต้นไป อัตราฝ่ายละ 0.50% ของค่าจ้าง (ไม่มีเพดาน)



Q3: เงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างแตกต่างจากเงินสมทบประกันสังคมอย่างไร

A: เงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีไว้เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างเมื่อถูกเลิกจ้าง เกษียณ สิ้นสุดสัญญาจ้าง ลาออกจากงาน หรือเสียชีวิต โดยมีเงื่อนไขและระยะเวลาการรับเงินช่วยเหลือที่แตกต่างกันไป

ส่วนเงินสมทบประกันสังคม มีไว้เพื่อเป็นหลักประกันสังคมให้ลูกจ้างเมื่อประสบกับความเดือดร้อนจากความเสี่ยงต่างๆ ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนการขาดรายได้ เงินสงเคราะห์บุตร เงินบำนาญ เป็นต้น

 

Q4: ลูกจ้างที่มี “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” อยู่แล้ว ยังมีสิทธิ์อยู่ในกองทุนนี้หรือไม่?

A: กรณีที่พนักงานเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ รอบการจ่ายเงินค่าจ้าง วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จะไม่สามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้

อย่างไรก็ตาม กรณีที่พนักงานไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ รอบการจ่ายเงินค่าจ้างวันที่ 1 ตุลาคม 2568 หรือภายหลังจากนั้นมีการลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของนายจ้าง พนักงานจะถูกจัดให้เข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างทันที

 

Q5: ลูกจ้างจะได้รับเงินจากกองทุนในกรณีใดบ้าง?

A: จะได้รับสิทธิประโยชน์ในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น 1) เสียชีวิต 2) ลาออก 3) ถูกเลิกจ้าง (ไม่ว่าจะได้รับค่าชดเชยหรือไม่ก็ตาม)

 

Q6: หากออกจากบริษัทเดิม จะต้องทำอย่างไรกับเงินในกองทุน?

A: ลูกจ้างต้องขอรับเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างที่นำส่งไว้กับนายจ้างเดิมภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่ลาออก ถูกเลิกจ้าง หรือเสียชีวิต  

 

Q7: ถ้าย้ายไปอยู่บริษัทใหม่ ต้องทำอย่างไรกับกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

A: กรณีไปเริ่มงานกับบริษัทใหม่ จะต้องพิจารณาตามเงื่อนไข ว่าบริษัทนั้นๆ เข้าข่ายที่จะต้องเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างหรือไม่ (มีพนักงานมากกว่า 10 คน  ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้พนักงานใหม่) 

หากเข้าเงื่อนไข ลูกจ้างจะต้องถูกให้เข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โดยหักเงินตามอัตราที่กำหนดในรอบจ่ายค่าจ้างเดือนแรก

 

Q8: สามารถตรวจสอบยอดเงินสะสมของตนเองได้อย่างไร?

A: สามารถตรวจสอบยอดเงินได้ตามประกาศของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานที่จะมีการประกาศต่อไป

 

Q9: หากนายจ้างไม่ส่งเงินสมทบให้ ลูกจ้างต้องทำอย่างไร?

A: กรณีที่นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบให้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม กฎหมายถือว่านายจ้างส่งเงินจำนวนดังกล่าวเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและลูกจ้างสามารถเบิกเงินจำนวนดังกล่าวได้ ทั้งนี้ การที่นายจ้างไม่ส่งเงินถือเป็นความผิดตามกฎหมาย และกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีสิทธิสั่งให้นายจ้างส่งเงินสมทบย้อนหลังในส่วนที่ขาดไปได้

 

Q10: มีผลกระทบอะไรกับสิทธิประโยชน์ของประกันสังคมหรือไม่?

A: ไม่มีเนื่องจากเป็นคนละกองทุนกัน

 

Q11: ลูกจ้างที่ทำงานไม่ประจำหรืองานชั่วคราวจะมีสิทธิ์เข้าร่วมกองทุนไหม?

A: หากเป็นพนักงานที่ได้รับเงินค่าจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้


สำหรับนายจ้าง



Q1: นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่กี่คนขึ้นไปต้องเข้าร่วมกองทุนนี้?

A: 10 คน

 

Q2: กรณีมีลูกจ้างไม่ประจำหรือลูกจ้างชั่วคราว ต้องนับรวมในการคำนวณด้วยหรือไม่?

A: หากเป็นพนักงานที่ได้รับเงินค่าจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้

 

Q3: หากนายจ้างมี “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” อยู่แล้ว ยังต้องเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างหรือไม่?

A: นายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว แต่พนักงานไม่สามารถเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ตั้งแต่วันแรกของการเป็นพนักงาน หรือยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลีย้งชีพ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ต้องจัดให้ลูกจ้างคนดังกล่าวเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

 

Q4: ขั้นตอนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนต้องทำอย่างไร?

A: นายจ้างเป็นผู้จัดให้ โดยยื่นเอกสารและกรอกแบบนำส่งตามที่คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกำหนด

 

Q5: การส่งเงินสมทบและเงินสะสมต้องส่งเมื่อใดและอย่างไร?

A: การส่งเงินสมทบจะส่งเมื่อมีการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง

 

Q6: หากลูกจ้างลาออก จะยังต้องส่งเงินเข้ากองทุนอีกหรือไม่?

A: ลูกจ้างที่ลาออก เสียชีวิต หรือสิ้นสุดการจ้างงานไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ไม่สามารถเป็นสมาชิกและนำส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ นายจ้างจึงไม่จำเป็นต้องส่งเงินเข้ากองทุนสำหรับลูกจ้างคนที่ลาออกแล้ว

 

Q7: การรายงานชื่อและจำนวนลูกจ้างต้องส่งให้หน่วยงานใด ภายในเมื่อใด?

A: กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยต้องนำส่งภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่ได้มีการหักเงินไว้

 

Q8: มีบทลงโทษกรณีนายจ้างไม่ปฏิบัติตามหรือไม่ส่งเงินสมทบหรือไม่?

A: กรณีที่นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบตามกฎหมาย พนักงานตรวจแรงงานมีอำนาจทำคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบส่วนที่ขาดอยู่ภายใน 30 วัน และหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม พนักงานตรวจแรงงานมีอำนาจสั่งยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของนายจ้างเพื่อส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้

 

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mol.go.th/employee/employee_fund