ในปีที่ผ่านมา AI ได้ก้าวเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของหลายองค์กรในหลากอุตสาหกรรม ผ่านการเสริมประสิทธิภาพกระบวนการทำงานในภาคส่วนต่างๆ ให้รวดเร็วและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น โดยรายงานฉบับล่าสุดของ Adecco Group อย่าง Global Workforce of the Future ฉบับที่หก ได้พูดถึงหัวข้อการสอดประสานระหว่างมนุษย์กับ AI กำลังพลิกโฉมโลกของการทำงาน (Humanity at Work: How to Thrive in the AI Era) พร้อมกับสำรวจข้อมูลจากคนทำงานกว่า 37,500 คน ใน 31 ประเทศ ครอบคลุม 21 อุตสาหกรรม ซึ่งเผยว่า AI ช่วยพนักงานประหยัดเวลาทำงานโดยเฉลี่ยถึง 2 ชั่วโมงต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวกลับไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในหลายองค์กร จึงเกิดเป็นช่องว่างในหลายหน่วยงาน โดยช่องว่าเหล่านี้สามารถเติมเต็มได้ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยยกระดับการทำงานในองค์กรได้อย่างแท้จริง
มาดูกันว่าในความเป็นจริงแล้ว AI เข้ามาเสริมเติมช่องว่างในการทำงานอย่างไร และองค์กรต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้สามารถเดินหน้าเข้าสู่โลกของการทำงานที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มรูปแบบ
AI ผงาดเหนือปัจจัยด้านลบทางเศรษฐกิจ
หนึ่งในข้อมูลสำคัญที่รายงานฯ เปิดเผย คือ คนทำงานมองว่า AI เข้ามาเป็นเทรนด์หลักในปี 2025 แซงหน้าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการทำงานแบบยืดหยุ่น นอกจากนี้ ผู้คนยังมั่นใจในการใช้งาน AI โดย 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่พบอุปสรรคในการใช้ AI ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเพียง 19% จากปี 2024
- กว่า 75% ของพนักงานเชื่อว่า AI ช่วยผลักดันให้สามารถทำงานได้เกินประสิทธิภาพของตัวเอง และเกือบสามในสี่ เผยว่า AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือกำลังจะปรับทักษะและรูปแบบการทำงาน
- แม้ 76% คาดว่า AI จะเข้ามาสร้างงานใหม่ และ 70% คาดว่า AI จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่ 23% ยังกังวลว่า AI จะทำให้สูญเสียงาน
- พนักงานที่เข้าใจผลกระทบที่ AI มีต่องานของตัวเอง และมองเห็นว่าบทบาทของตนเองสอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กรอย่างไร มีแนวโน้มที่จะอยู่ในองค์กรต่อไปมากขึ้น แม้ความกังวลว่า AI จะมีผลต่อการเก็บข้อมูลส่วนตัวจะเพิ่มขึ้นถึง 44%
- ในปี 2025 มีคนทำงานที่พร้อมปรับตัวรับอนาคต จำนวน 37% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากว่าสามเท่า เมื่อเทียบกับ 11% ในปีที่ผ่านมา
ชัดเจนว่า AI ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในโลกของการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ทว่า ‘คน’ ก็ยังเป็นหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่เพียงพอ ผู้นำองค์กรต้องลงทุนกับการฝึกฝนทักษะการใช้งาน AI ของพนักงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และแปลงสิ่งนี้ให้เป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริง องค์กรต้องสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานในการใช้งาน AI อย่างมีคุณค่า โดยหากมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน AI จะกลายเป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพ สร้างความเชื่อมั่น และยกระดับสภาพแวดล้อมการทำงานสำหรับพนักงานทุกคน
แรงงานที่พร้อมปรับตัวรับอนาคต
รายงานล่าสุดของ Adecco Group ยังพบว่าแรงงานที่พร้อมปรับตัวรับอนาคต หรือ Future-Ready workers (กลุ่มทาเลนท์ที่พัฒนาทักษะและปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่อย่างสม่ำเสมอ) จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการที่องค์กรวางเป้าหมายที่ชัดเจน และการสนับสนุนเส้นทางด้านอาชีพที่เน้นการพัฒนาทักษะเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ วิธีในการผลักดันแรงงานกลุ่มนี้อย่างมีประสิทธิภาพ นายจ้างจะต้องจัดหาเครื่องมือในการพัฒนาทาเลนท์อย่างตรงจุด พร้อมกับจัดการการฝึกอบรมด้านทักษะ และวางกรอบจริยธรรมที่เหมาะสมในการใช้ AI เพื่อให้เป็นแรงขับเคลื่อนให้คนทำงานสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แทนที่จะเป็นประเด็นสร้างความไม่มั่นใจให้กับพนักงาน
การวางเป้าหมายที่ชัดเจนและการวางเส้นทางอาชีพในระยะยาวคือกุญแจสำคัญในการรักษาทาเลนท์
แรงงานที่เข้าใจว่างานของตนเองมีบทบาทในการผลักดันองค์กรสู่เป้าหมายอย่างไร มีแนวโน้มที่จะทำงานคู่องค์กรต่อไปอีก และกว่า 99% จากกลุ่มพนักงานที่มีเป้าหมายงานที่ชัดเจน เผยว่าจะอยู่ต่อไปอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับพนักงานที่ไม่รู้สึกว่างานของตัวเองมีความหมาย (53%) นอกจากนี้ โอกาสในการเติบโตทางสายอาชีพ ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา โดยหนึ่งในสามของพนักงานที่ทำแบบสำรวจเผยว่าจะทำงานในองค์กรเดิมต่อไป หากได้รับเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนจากนายจ้าง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 22% ในปีที่ผ่านมา
ความเชื่อมั่นและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI
แม้ว่าคนทำงานจะเปิดรับ AI ให้เข้ามาช่วยปรับกระบวนการทำงานให้ลื่นไหลขึ้นผ่านระบบอัตโนมัติ พร้อมกับยอมรับให้เทคโนโลยี AI มาเป็นตัวช่วยเพิ่มพูนทักษะให้กับตนเอง แต่ในการทำงานนั้น ‘คน’ ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ความจริงที่ว่าผู้นำและหัวหน้างานในหลายองค์กรรู้สึกพอใจกับารทำงานของ AI มากกว่าการทำงานของพนักงานระดับเริ่มต้น เป็นการเน้นย้ำว่าการสื่อสารที่โปร่งใสและกรอบจริยธรรมที่ชัดเจนภายในองค์กร เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ AI เข้ามาแทนที่คน และช่วยให้คนทำงานมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันมากขึ้น
ปิดท้าย
การเปิดรับ AI เข้าสู่กระบวนการทำงานในทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงตัวเลือก แต่เป็นกลยุทธ์การพัฒนาองค์กรที่จำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี เพื่อรักษาคนให้เป็นหัวใจหลักของการทำงาน ผู้นำองค์กรควรวางกรอบจริยธรรมในการใช้ AI อย่างชัดเจน มีธรรมาภิบาลที่โปร่งใส พร้อมกับใส่ใจในการพัฒนาทักษะของพนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยวางรากฐานสู่การขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน
ในโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือระหว่างนายจ้างและพนักงาน เสริมด้วยพลังแห่งเทคโนโลยี คือกุญแจสำคัญในการสร้างแรงงานที่พร้อมปรับตัวรับอนาคตอย่างมั่นใจ
ดาวน์โหลดรายงาน Humanity at Work: How to Thrive in the AI Era เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานและเจาะลึกกลยุทธ์สำคัญที่ผู้นำควรรู้ เพื่อพัฒนาองค์กรและพนักงานให้พร้อมรับมือกับอนาคต
